มนต์เสน่ห์แห่งอิตาลี ดินแดนแห่งความโรแมนติก

Last updated: 22 ธ.ค. 2566  |  228 จำนวนผู้เข้าชม  | 

มนต์เสน่ห์แห่งอิตาลี ดินแดนแห่งความโรแมนติก

"อิตาลี" ประเทศที่แอดยกให้เป็นดินแดนแห่งความศิลปะ และ ความโรแมนติก ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็สวยไปหมดเลย เพราะนอกจากจะเต็มไปด้วยศิลปะ วัฒนธรรมที่สืบต่อกันมาอย่างยาวนั้นแล้ว สถาปัตยกรรมและธรรมชาติก็ถือว่าสวยงามไม่แพ้ประเทศอื่นๆเลยค่ะ วันนี้แอดจะพาทุกไปคนไปเช็คอินสถานที่ท่องเที่ยงต่างๆในอิตาลี่กันค่า มาดูซิว่าจะสวยเวอร์กันเบอร์ไหน

 

  •  กรุงโรม (Rome) เมืองหลวง และเมืองที่ใหญ่ที่สุดในอิตาลีกันค่ะ ความพิเศษของกรุงโรมไม่ใช่เพียงเพราะเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดเท่านั้น แต่เป็นเมืองที่มีความเก่าแก่กว่า 2,700 ปี 

  • นครรัฐวาติกัน (Vatican City) ศูนย์กลางแห่งคริสตจักรที่มีสมเด็จพระสันตะปาปา หรือ โป๊ป เป็นประมุข มีไฮไลท์เป็นมหาวิหารเซ็นต์ปีเตอร์ (St. Peter’s Basilica) มหาวิหารเก่าแก่ที่สร้างขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 4

 

  • เวนิส (Venice) รายล้อมไปด้วยคูคลองถึง 150สาย รวมถึงตึกอาคารสีสันสดใสตัดกับน้ำทะเลสีฟ้าอย่างลงตัว นอกจาก เทศกาลเวนิสคาร์นิวัล (Venice Carnival) และการล่อง เรือกอนโดลา (Gondola) ที่เปรียบเสมือนสัญลักษณ์ของเวนิสแล้ว มหาวิหารซันมาร์โก (St. Mark’s Basilica) ยังถือเป็นไฮไลท์ที่พลาดไม่ได้ เนื่องจากเป็นมหาวิหารเก่าแก่ตั้งแต่ศตวรรษที่ 11 โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมไบแซนไทน์ที่เน้นลวดลายวิจิตรตระการตาตั้งอยู่ตรงจัตุรัสกลางเมือง

  • ฟลอเรนซ์ (Florence) อดีตเมืองหลวงของอิตาลี ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1865 จนถึง 1871 เชียวนะ  จุดเด่นของฟลอเรนซ์คือทิวทัศน์ของ แม่น้ำอาร์โน (Arno) ที่ไหลผ่านตึกอาคารทรงโบราณโทนสีอบอุ่นและทิวเขาที่สวยงามสะพานเก่าแก่ตั้งแต่ศตวรรษที่ 14 เชื่อมระหว่างสองฝั่งของเมืองเข้าด้วยกัน เมื่อมาถึงฟลอเรนซ์แล้ว สถานที่สำคัญที่พลาดไม่ได้เลยคือ มหาวิหารฟลอเรนซ์ (Cathedral of Santa Maria del Flore) มหาวิหารที่เป็นตัวอย่างการผสมผสานศิลปะของยุคโกธิค (Gothic) โรมาเนสก์ (Romanesque) และเรเนสซองส์ (Renaissance) ได้อย่างชัดเจน อีกทั้งยังขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดย UNESCO

  • หอเอนปิซ่า หรือ Leaning Tower of Pisa นับเป็นสัญลักษณ์ของประเทศอิตาลีเลยก็ว่าได้ ตั้งอยู่คู่กับ มหาวิหารปิซ่า (Duomo di Pisa) ในเมืองปิซ่า แคว้นทัสคานีแห่งนี้ ที่เที่ยวอิตาลี ซึ่งจริงๆแล้ว หอเอนปิซ่าคือหอระฆังคริสต์ศาสนานิกายโรมันคาทอลิกที่สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1173 แต่เนื่องจากพื้นดินในบริเวณที่สร้างเป็นดินโคลน ไม่ใช่ชั้นหินที่สามารถยึดเหนี่ยวฐานให้มั่นคง จึงทำให้ฐานข้างหนึ่งของหอยุบตัวลงไป หอระฆังจึงเริ่มมีความเอนเอียงนับตั้งแต่นั้นมา แม้จะมีการถ่วงน้ำหนักให้หอระฆังกลับไปตั้งฉากดังเดิม แต่หอระฆังก็ยังคงเอนลงอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งช่วงปลายศตวรรษที่ 20 ได้นักวิทยาศาสตร์ นักคณิตศาสตร์ และวิศวกรมาหาวิธีทำให้หอระฆังหยุดเอนลง จนในที่สุดก็ทำได้สำเร็จ อิตาลีสถานที่ท่องเที่ยว และเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมได้ตั้งแต่ปี 2001 เป็นต้นมา และกลายมาเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกที่ใครๆ ก็อยากไปเที่ยวชมสักครั้ง

  • มิลาน (Milan) เมืองใหญ่และมีประชากรมากเป็นอันดับ 2 ของประเทศอิตาลี เป็นทั้งศูนย์รวมทางเศรษฐกิจ ความบันเทิง การศึกษา การออกแบบ ศิลปะ การท่องเที่ยว และการคมนาคม ได้ชื่อว่าเมืองแฟชั่นแห่งอิตาลี เป็นศูนย์รวมร้านแบรนด์เนมต่างๆ ที่สายช้อปไม่ควรพลาด

 

  • เมืองซิงเคว เทเร่ Cinque Terre จัดเป็นที่เที่ยวอิตาลีธรรมชาติ หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวมีชื่อเสียงที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวมากที่สุดอีกแห่งของอิตาลี ด้วยภาพบ้านเรือนหลากสี สร้างอยู่บนหน้าผาอันสูงชั้นติดริมทะเลที่สวยงาม

 

  • น้ำพุ เทรวี่ (Trevi Fountain)เป็นลานน้ำพุและอนุสรณ์สถานที่จัดได้ว่าสวยงามและมีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งของโลก  ตั้งอยู่ในกรุงโรม โดยนอกจากในเรื่องของความสวยงามแล้วที่นี่ยังมีเรื่องเกี่ยวกับความเชื่อเกี่ยวกับการโยนเหรียญอธิษฐานที่เป็นเสน่ห์ให้นักท่องเที่ยวไปเที่ยวชมกันอีกด้วย 

  • วิหารแพนธีออน (Pantheon) เป็นวิหารรูปทรงจัตุรัสที่เก่าแก่ที่สุดในกรุงโรมโดยมีอายุมากกว่า 2,000 ปี แม้ว่าจะมีประวัติและความเป็นมาที่ยังไม่แน่ชัดนักแต่วิหารแห่งนี้แสดงให้เห็นได้ชัดถึงศิลปะเก่าแก่ในยุคโรมัน รวมถึงฝีมือและความชาญฉลาดในการออกแบบอย่างรอบคอบของสถาปนิกในอดีต 

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้